ผลการดำเนินงานการใช้ทรัพยากรในองค์กร
การใช้ทรัพยากรภายในองค์กร
บริษัทฯ กำหนดตัวชี้วัดสำหรับวัดค่าประสิทธิภาพการดำเนินการหรือค่าความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Intensity) คำนวณได้จากปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อยอดสินเชื่อคงค้าง (ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า/ล้านบาท) โดยกำหนดให้ Intensity ลดลงมากกว่า 10% เมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า และกำหนดให้เป็นหนึ่งในดัชนีชี้วัดความสำเร็จ (KPI) ขององค์กร ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
การบริหารจัดการการใช้น้ำมัน
ปัจจุบันการดำเนินงานภายในบริษัทฯ ยังคงใช้พลังงานจากน้ำมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบกับฐานลูกค้าที่มีการขยายตัวเป็นประจำทุกปี ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การใช้พลังงานยังคงดำเนินการอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ
ผลการดำเนินงาน
การบริหารจัดการการใช้ไฟฟ้า
บริษัทฯ จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าในทุกขั้นตอนการดำเนินงาน ซึ่งการขยายสาขาทำให้การใช้พลังงานต้นทุนและการปล่อยมลพิษเพิ่มสูงขึ้น บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นนำพลังงานสะอาด (Renewable energy) มาใช้ในการดำเนินงานตามแผนการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม
ผลการดำเนินงาน
การบริหารจัดการการใช้น้ำ
น้ำเป็นทรัพยากรสำคัญต่อชีวิตและธุรกิจ แต่ปัญหาภัยแล้ง อุทกภัย และความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยเผชิญวิกฤติด้านทรัพยากรน้ำอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์น้ำ ผ่านการรณรงค์และสื่อสารให้บุคลากรร่วมกันใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
ผลการดำเนินงาน
การบริหารจัดการการใช้กระดาษ
การดำเนินงานขององค์กรยังคงใช้กระดาษเป็นหลัก เพื่อให้สามารถรองรับกับการขยายสาขา การเติบโตของธุรกิจกว่า 20 % แน่นอนว่าปริมาณการใช้กระดาษจะต้องเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตามองค์กรมีมาตรการในการลด และควบคุมปริมาณการใช้กระดาษเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางอ้อมน้อยที่สุด
ผลการดำเนินงาน
ปริมาณการใช้ทรัพยากรและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
การเติบโตของธุรกิจผ่านการขยายสาขาและฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการใช้ทรัพยากรและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงขึ้น แต่เมื่อเปรียบเทียบกับยอดสินเชื่อคงค้าง การปล่อยก๊าซเรือนกระจกมีแนวโน้มลดลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทฯ สามารถควบคุมการใช้ทรัพยากรได้ดี แม้จะเติบโตมากกว่า 20% ก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการทรัพยากร และนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการดำเนินงาน พร้อมพัฒนากรอบการรายงานด้านสิ่งแวดล้อมให้ทันสมัย เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
การบริหารจัดการของเสีย
น้ำเสีย ที่เกิดจากการดำเนินงาน (สำนักงานใหญ่) ส่วนมากเป็นน้ำที่มาจากห้องน้ำ ชักโครก อ่างล้างมือ โดยมีวิธีการจัดการน้ำเสียโดยกระบวนการบำบัดน้ำเสียแบบชีวภาพผสม (Combined Biological Treatment System) ซึ่งเป็นระบบบำบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพมากกว่าระบบตะกอนเร่งทั่วไป ทำให้แน่ใจได้ว่าคุณภาพของน้ำที่ผ่านการบำบัดตรงตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ โดยน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดบางส่วนจะถูกเก็บไว้สำรองสำหรับใช้ในการรดน้ำต้นไม้และสำรองไว้เป็นน้ำดับเพลิง
“บริษัทตั้งเป้าหมายลดปริมาณ
ของเสียจากกระดาษ
/ป้ายไวนิลลง 5% ต่อปี”
ขยะ มีการแยกประเภทตามสีถังเป็น ขยะทั่วไป ขยะติดเชื้อ ขยะอันตราย ขยะอิเล็กทรอนิกส์ (ตลับหมึก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ชำรุด ซึ่งสามารถนำไปขายและ Recycle ได้ 100%) และขยะที่สามารถนำไป Recycle ได้ โดยเทศบาลจะเป็นผู้ที่รับผิดชอบนำขยะไปจัดการอย่างถูกวิธี มีการกำหนดมาตรการขยะในทุกชั้นทำงานอย่างชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อเสริมสร้าง และปลูกฝังจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อการจัดการขยะให้แก่บุคลากร ทั้งนี้กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาระบบการเก็บข้อมูล ติดตาม และกำจัดขยะอย่างถูกวิธี สามารถนำขยะบางประเภทมาเพิ่มมูลค่าได้ (Value Added) โดยมีเป้าหมายที่จะเริ่มทดลองดำเนินงานในสำนักงานใหญ่
ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ริเริ่มจัดเก็บข้อมูลปริมาณขยะภายในอาคารสำนักงานใหญ่ โดยตั้งจุดคัดแยกขยะไว้ตามบริเวณชั้นต่าง ๆ เพื่อสร้างพฤติกรรมการคัดแยกขยะก่อนทิ้ง อีกทั้งยังช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องถูกนำไปฝังกลบ สร้างมูลค่าและเสริมสร้างวินัยก่อนการทิ้งทุกครั้ง โดยขยะทั้งหมดของสำนักงานใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นขยะที่ไม่อันตรายทั้งสิ้น 10,820 กิโลกรัม แบ่งประเภทขยะออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ขยะทั่วไป และขยะรีไซเคิล (พลาสติก แก้ว กระดาษ/กระดาษลัง และอลูมิเนียม) ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนในการเพิ่มถังคัดแยกขยะสำหรับเศษอาหาร เนื่องจากภายในสำนักงานใหญ่มีการจัดประชุมผู้จัดการเป็นประจำทุกเดือน และมีพนักงานที่นำอาหารเข้ามารับประทาน เพื่อเป็นการจัดการเศษอาหารที่เกิดขึ้น จึงจะนำถังหมักเศษอาหารมาใช้หมักปุ๋ยชีวภาพแก่ต้นไม้รอบสำนักงานใหญ่
การคำนึงถึงผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ
ในปี 2567 ผลกระทบต่อความ
หลากหลายทางชีวภาพเป็น
“ 0 ”
สำนักงานใหญ่ และสาขา ไม่ได้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ
โดยจำนวนผลกระทบต่อสัตว์ที่อยู่ในรายชื่อ IUCN Red List เท่ากับศูนย์
และกระบวนการในการเลือกที่ตั้งสาขามีนโยบายเลือกพื้นที่ที่คำนึงถึงพื้นที่
ที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความหลากหลายทางชีวภาพ หรือกระทบต่อสัตว์ที่มีรายชื่ออยู่ในชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามหรือสัตว์ใกล้สูญพันธุ์
นอกจากการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมานั้นไม่ได้มีผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ
เรายังมองถึงการป้องกัน ฟื้นฟู และพัฒนา พื้นที่โดยรอบบริเวณที่ทำการสาขา รวมทั้งสำนักงานใหญ่
ด้วยการผลักดันกิจกรรมที่ส่งเสริม เช่น กิจกรรมปลูกป่าด้วยชนิดพืชที่มีจำนวนน้อยเสริมในพื้นที่นั้น ๆ เป็นต้น
โดยมีเป้าหมายที่จะคงไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ เสริมสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงปกป้องระบบนิเวศน์